Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

Fantôme

Un fantôme est une créature surnaturelle, une vision que l'on a interprétée comme la manifestation de l'esprit d'un mort, qui serait resté prisonnier sur Terre ou reviendrait de l'Au-delà soit pour accomplir une vengeance, soit pour aider des proches ou pour errer éternellement sur Terre en punition de ses mauvaises actions passées. Les fantômes, dont le nom est à rapprocher étymologiquement de φάντασμα (fantasme), φάντασις (fantaisie) (respectivement « apparition » et « vision » en grec), sont également appelés spectres ou revenants, esprits, lémures, apparitions incubes ou succubes, ectoplasmes ou poltergeists. Les variations des appellations doivent se comprendre en fonction de l'évolution historique. En Europe, nous avons généralement une vision du fantôme comme créature immatérielle. Les étymologies proposées ci-dessus rendent bien compte de cette acception; mais cette dernière a elle-même une histoire dans laquelle le rôle de l'Église est fondamental. Il semble, d'après Claude Lecouteux que les fantômes à l'origine aient été des morts, si l'on peut dire, bien vivants ; ils avaient une matérialité indéniable : les sagas islandaises, avec leurs défunts qui reviennent pour faire un bon repas en sont un exemple ; mais avec le temps et surtout le contrôle religieux la présence des morts devint insupportable ; l'invention du purgatoire avait d'ailleurs été un des moyens de les discipliner. Elle permettait d'assigner un lieu fixe à ces âmes errantes. C'est aussi pourquoi les revenants furent de plus en plus identifiés à des visions, des apparitions, et leur caractère matériel s'effaça peu à peu. Des théologiens comme Saint Augustin ont contribué à cette dématérialisation du fantôme, finalement assimilé à une illusion ; derrière, bien sur, il y avait l'intervention du Malin.
L'imaginaire commun dans toutes les cultures est peuplé de telles créatures surnaturelles, qui servent de matière à de très nombreuses fables et légendes. Le romantisme, puisant son inspiration au mystique et ténébreux Moyen Âge, a remis au goût du jour les histoires macabres ou fantastiques, et de nombreux grands auteurs ont laissé courir leur imagination sur le thème des fantômes et des revenants.

หลากหลายสถานที่พักผ่อน..หย่อนใจ
















วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้จ้า

- เมืองริโอ เดอ จาเนโร ในประเทศบราซิล เคยเป็นเมืองหลวงของโปรตุเกสในระหว่างปี 1807-1821 ในช่วงที่โปรตุเกสทำสงครามกับนโปเลียนกับฝรั่งเศส โปรตุเกสเลยย้ายเมืองหลวงของตัวเองมายังบราซิลซึ่งเป็นประเทศอาณานิคม

-คำว่า Quiz ถูกคิดขึ้นมาเมื่อปี 1780 โดยผู้จัดการโรงละครชาวดับลิน เขาพนันกับเพื่อนว่า จะสร้างคำศัพท์ให้มีความหมายให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง

-คำว่า EWE กับ YOU อ่านออกเสียงเหมือนกันเป๊ะ แต่ไม่มีตัวอักษรเหมือนกันเลย

-ทีมฟุตบอลชาติไทยเอาชนะคู่แข่งมากที่สุด 12-0 ในแมตช์ที่ปะทะทีมชาฟิลิปปินส์ และพ่ายแพ้ด้วยการเสียประตูสูงสุด 0-9 เมื่อพบกับทีมชาติอังกฤษ

- บริษัทคาสิโอ อันโด่งดังมิได้มีผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกเป็นเครื่องคิดเลข แต่เป็นแหวนสำหรับจับบุหรี่ที่เรียกกันว่า 'ยุบิวะ ไปป์' (Yubiwa Pipe)

- เว็บฮอทเมลอนุญาตให้ผู้ใช้บริการฟรีอีเมลแบบปกติ (อย่างที่เราๆ ใช้กันนั่นแล) สามารถส่งอีเมลได้ไม่เกิน 225 ฉบับต่อวันเท่านั้น อยากส่งเกินต้องสมัครอีกไอดี

- ดีเกินไป ไม่ได้เป็นแค่วลีที่รู้จักกันในหมู่คนอกหักเท่านั้น ในต่างประเทศมีการวิเคราะห์ถึงอาการอันนำมาซึ่งความแห้วนี้อย่างจริงจังในนิยามว่า Nice guy syndrome

-ผัดไทยเป็นอาหารที่เกิดขึ้นมาในสมัยของ จอมพลป. พิบูลสงคราม เนื่องจากท่านเห็นว่าอาหารเส้นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือขนมจีนก็ดูเป็นของจีนไปเสียหมด เส้นเล็กผัดไทย ใส่ไข่เต้าหู้ และกุ้งแห้ง จึงถูกพัฒนาสูตรขึ้นมาเพื่อจะเรียกได้เต็มปากคำว่าผัดไทย

- มี Q แค่ 1 ตัวในเกมสแครบเบิล

- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อแรกของโลกที่วางจำหน่ายทั่วไปคือยี่ห้อนิสชิน และบะหมี่รสแรกที่ขายคือรสไก่ ไม่ใช่รสหมูสับ

- ชื่อชนิดของเมฆที่แบ่งตามลักษณะและระดับความสูงลงท้ายว่า 'us' ทั้งหมด

- วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันต้อหินโลก

เกล็ดความรู้เล็กน้อยในการเพิ่มความเร็วให้คอมทำงานได้เร็วขึ้น

ก่อนอื่นเริ่มที่การดูแลรักษาเครื่องคอมของเราให้ทำงานได้เร็ว ซึ่งควรจะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นประจำ
1. Disk Defragmenter คือการเรียงข้อมูลใน harddisk ให้เป็นระเบียบ ในกานใช้งานเมื่อเราลงโปรแกรมหรือลบโปรแกรมออกจากเครื่อง ข้อมูลต่างๆจะกระจายตัวกันออกไปตามตำแหน่งที่โปรแกรมนั้นฝังตัวใน harddiskเมื่อเราใช้งานโปรแกรมหรือหาข้อมูลบางอย่าง หัวอ่าน harddisk จะเคลื่อนไปตาม disk ที่เก็บข้อมูลแต่เมื่อข้อมูลมันอยู่กระจายกัน ออกไปเวลาที่ใช้ในการค้นหาจึงใช้เวลามากขึ้นด้วย�และนั่นคือสาเหตุที่เวลาใช้คอมไปนานๆแล้วรู้สึกว่ามันทำงานได้ช้าลง ไม่เหมือนตอนซื้อคอมมาใหม่ๆดังนั้นคุณจึงควรทำการ defrag harddisk บ้างซัก 2 อาทิตย์ครั้งก็ได้ ถ้าไม่ค่อยได้ลงโปรแกรมหรือลบข้อมูลอะไรในเครื่องบ่อยนัก วิธีทำคือ click start > program > Accessories> system tools > Disk Defragmenterในกรณีย์ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยอาจใช้เวลา 4 -5 ชม ถึงจะเสร็จ หลายคนอาจเบื่อที่ใช้เวลานานแต่มันก็จำเป็นต้องทำครับ พอทำบ่อยๆเวลาที่ใช้จะสั้นลง บางกรณีย์ที่เครื่องคอมของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมบางอย่างโปรแกรม defrag นี้จะไม่ทำงานแต่โปรแกรม Scandisk จะเริ่มการทำงานแทนก่อนเพื่อซ่อมแซมให้ดีเสียก่อนจึงจะทำการ defrag ได้ ที่ต้องบอกอย่างละเอียดนี่เพราะผมมีประสบการณ์ที่คนรู้จักกันแกมีลูกชายที่อยู่ในวัย ดอตคอมทั่วๆไป ชอบเล่นเน็ทแต่คอมมีปัญหาแล้วได้เรียกผมไปช่วยดูให้ที ปรากฎว่าน้องคนนี้ไม่มีความรู้พื้นฐานในการดูแลรักษาคอมเลย เล่นเกม , chat อะไรเป็นหมด แต่เห็นที่ startup menu มี icon โหลดตอนบู๊ทเครื่องเต็มไปหมด ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องให้มันโหลดตอนเปิดเครื่อง ทำให้ใช้เวลานานเกินจำเป็นในการบู๊ทเครื่องdefrag เป็นอย่างไรไม่รู้จัก คอมเลยทำงานได้อืดมาก ทั้งๆที่เพิ่ม ram เป็น 256 mb แล้วคิดว่าหลายๆคนคงเป็นแบบนี้ใช้งานตามปรกติอย่างเดียว ก็เลยเขียนเกล็ดความรู้นี้ขึ้นมา
2 . Scandisk ทำอาทิตย์ละครั้งวิธีใช้แบบเดียวกับวิธีแรก เรียกโปรแกรมการใช้งานได้จากที่เดียวกันการ Scandisk ส่วนมากที่มันจะทำงานให้เห็นก็ตอนที่กดตุ่ม restart ตอนเครื่อง hang จอค้างทำอะไรไม่ได้แล้วพอเครื่องไม่มีปัญหาเราเลยไม่ได้สั่งให้มันทำงาน การ scandisk หัวอ่าน harddisk จะกวาดไปทั่วทั้ง disk เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้ทำงานได้ดีเหมือนเดิม แต่บางครั้งเมื่อมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแต่เราไม่รู้เห็นว่าเครื่องทำงานปรกติดี ก็ไม่ได้ใส่ใจ จนปัญหานั้นมันแสดงออกมาให้เห็นซึ่งก็อาการหนักแล้วหรือไม่ปัญหาบางอย่างทำให้ file ระบบของ window เสียหายได้ถ้าปล่อยไว้ไม่ทำการแก้ไขการscandisk นี้ยังช่วยยืดอายุของ harddisk ให้ทำงานได้นานขึ้นด้วยโปรแกรม defrag และ scandisk นี้มาพร้อมกับ window ถ้าต้องการความสะดวกในการใช้งานที่มีคุณสมบัติมากกว่านี้ลองใช้โปรแกรม Utility ของ norton หรือ McAfee ก็ได้ หาซื้อได้จากร้านขาย software ทั่วๆไปผมพยายามเขียนแบบให้อ่านง่ายไม่ใช้ศัพท์ทางเทคนิคหรืออะไรที่มันเข้าใจยาก ผู้หญิงส่วนมากไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ลองทำดูครับจะเห็นผลได้เลยว่าคอมคุณจะทำงานได้ดีขึ้น
ส่วนต่อไปนี้เป็นเทคนิคในการปรับแต่ง window ให้ทำงานได้เร็วขึ้น
เริ่มกันที่คลิ๊ก start>run>พิมพ์ msconfig > startup> เอาเครื่องหมายถูกออกให้หมด ยกเว้น systemtray,internet.exeScanRegistry , TaskMonitor , PC healt หรือถ้าคุณลงโปรแกรม AntiVirus อยู่ก็ให้คงเอาไว้ พวกโปรแกรมนอกเหนือจากนี้เอาออกให้หมด ไม่ต้องห่วงครับมันยังทำงานได้เหมือนเดิมเพียงแต่ไม่โหลดพร้อมwindow เวลาเปิดเครื่องเท่านั้นจะทำให้คุณใช้เวลาในการโหลด window น้อยลงไม่ต้องรอนาน
Next คลิ๊กขวาที่ mycom >properties>performance เลือกที่ File System >Hard Disk เปลี่ยน typical role of thiscomputer เป็น Network server >Apply > okคลิ๊กขวาที่ mycom > Properties>Performance เลือก Virtual Memory > Let me specify my own memory settingแล้วเปลี่ยนที่ minimum และ Maximum ตามสูตรนี้เอาค่า ram ในเครื่องเราคูณ 2.5 แล้วจะได้ค่าตามตัวอย่างEX. ram 64mb x2.5= 160จะะได้เป็น Minimum=0 , Maximum=160แต่ถ้ามีram มากกว่า 256 mb ไม่จำเป็นต้องปรับตรงจุดนี้ให้ window มันจัดการเองตาม defalt ที่ตั้งไว้จะดีกว่าNext การตั้งค่า vcache ใน system.iniไปที่ run พิมพ์คำว่า system.ini หาหัวข้อ [ vcache ] แล้วพิมพ์ตามนี้[ vcache ]MinFileCache=0MaxFileCache= เอาจำนวน ram คูณ 125 เช่นมีram 128 ก็เอา 128 x125 =16000 ก็จะได้MinFileCache=0MaxFileCache=16000วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีram มากกว่า 128 ขึ้นไป เพราะมันจะเอาram ไปทำcache หรือเหมือนกับหน่วยความจำชั่วคราวจะทำให้คอมเร็วขึ้นถึง 40 % ทีเดียวลองทดสอบได้โดยเปิดโปรแกรมใดขึ้นมาแล้วปิด จากนั้นให้เรียกใช้งานโปรแกรมอื่น ลองกลับมาเปิดโปรแกรมที่เรียกใช้ไปแล้วปิดคราวนี้โปรแกรมนั้นจะโหลดทันที เร็วจนสังเกตุเห็นได้เลยยังมีอีกเยอะเกี่ยวกับ เทคนิคการปรับแต่งไว้หาเวลาว่างได้จะหามาให้อ่านต่อ

หนังสือมีประโยชน์


หนังสือ กินเป็นลืมป่วย ดีมากเลยจ้า เกี่ยวกับสุขภาพของคนเรามีสูตรอาหารต่างๆ ลองหาซื้อกันดูน้า ตามร้านหนังสือ หนังสือดี ที่อ่านแล้วอยากแนะนำต่อ คือ "กินเป็น ลืมป่วย" เหมาะสำหรับทุกท่าน ที่ต้องการรักษาสุขภาพ แต่ว่าผู้บรรยาย คือ อ.สุทธิวัสส์ คำภา ผู้รวบรวมหนังสือเล่มนี้คือ คุณนิพนธ์ วีระธรรมานนท์ อาจารย์สุทธิวัสส์ ได้บอกสูตรต่าง ๆ ในการบำรุงรักษาร่างกาย และสูตรในการ detox ทั้งลำไส้ ผิวหนัง ณ ตอนนี้เป็น best seller ที่ Se-Ed ลองหาดูได้สนนราคาก็ไม่แพง เพียงเล่มละ 60.- บาทเท่านั้น หากเทียบความความรู้ที่ได้ และเคยเห็นที่ร้านขายพวกสินค้า Otop หรือ สมุนไพรก็มีเช่นกัน ะ

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

ตำนานวันตรุษจีน


ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า “กว้อชุนเจี๋ย” หรือ “กว้อเหนียน” เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า “เหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย
ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก
เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน
ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

ภาษาอังกฤษทางธุรกิจที่ใช้กันผิดบ่อยๆ

ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจอย่างปัจจุบันนี้ คุณต้องหาข้อเป็นต่อให้มากเท่าที่จะหาได้ไว้ดีกว่า การพูดภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะทำให้คุณก้าวนำคนอื่นอย่างมั่นใจ คิดว่ายากเกินไปเหรอ? ไม่เลย ! ลองอ่านดูข้อที่คู่แข่งขันคุณใช้ผิดบ่อยๆ แล้วจำคำที่ถูกไปใช้ได้ทันที

Personal vs. Personnel
สังเกตการสะกดคำและการเน้นเสียงของสองคำนี้! "Personnel" เป็นคำนามหมายถึงพนักงานในบริษัท เช่น"Our company has the best personnel in the industry." การเน้นเสียงจะเน้นพยางค์ท้ายของคำ ส่วน"Personal" เป็นคำ adjective หมายถึงส่วนตัวหรือส่วนบุคคล เช่น "I'm requesting a day of annual leave for personal reasons." การเน้นเสียงจะเน้นที่พยางค์แรกของคำ แล้วถ้าคุณไม่ระวัง คุณอาจถูกเรียกตัวเข้าประชุม "personal meeting" ไม่ใช่ "personnel meeting." อย่างที่ควรจะเป็น
คุณสมบัติพิเศษ

Executive
"executive" หมายถึงคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัท ถ้าคุณต้องแนะนำ executives ระดับสูงให้แก่แขกหรือลูกค้า ก็ระวังการเน้นเสียงของคำนี้ให้ดี ! อย่าไปเน้นเสียงตรงอักษร "u" เพราะไม่อย่างนั้นคำว่า "executive" จะออกเสียงเหมือนกับคำว่า "execute" ซึ่งแปลว่าฆ่าหรือประหารชีวิต
Present? Presentate? Presentation?
คุณ present(เสนอ)รายงานข้อมูลเมื่อคุณให้ presentation(การนำเสนองาน) คำว่าPresent เป็น verb หมายถึงแนะนำบางสิ่งให้เป็นที่รู้จักหรือกล่าวถึงบางสิ่งให้เป็นที่สนใจแก่คนอื่น ส่วนคำว่า presentationเป็นการเรียกกระบวนการนำเสนอหรือการแนะนำข้อมูลใหม่ในทางธุรกิจ มีคนมากมาย(รวมทั้งเจ้าของภาษาบางคนด้วย)ที่คิดว่า "presentate" เป็น verb ของคำว่า "presentation." คุณอย่าคิดผิดอย่างนั้นด้วยก็แล้วกัน เพราะคำนี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ !

"I look forward to hearing from you."
ประโยคนี้ใช้กันบ่อยในการลงท้ายจดหมายทางธุรกิจ แต่คนมักใช้ผิดเป็น"I look forward to hear from you." ซึ่งไม่ถูกหลักไวยากรณ์และฟังดูตลกๆ สำหรับคนอ่านที่เป็นเจ้าของภาษา ที่ถูกต้องคือคำกิริยา "hear" ในประโยคนี้ต้องต่อท้ายด้วย "ing" เสมอ ดังนี้ "I look forward to hearing from you."

Headquarters and Information
มีคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่มากมายที่สะกดสองคำนี้ผิดโดยการตัด"s" ออกจาก "headquarters" แต่ไปเติม "s"ใน"information" ที่ถูกต้องคือ Headquartersซึ่งคำนี้เป็นคำนามเอกพจน์หมายถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัท เช่น "I'm going to headquarters this weekend to meet with the CEO." คำว่า Headquarters อาจสับสนหน่อยเพราะถึงแม้ว่าจะลงท้ายด้วย "s" แต่มันก็ไม่ใช่พหูพจน์ ! ถ้าคุณตัด "s" ออกจากคำว่า headquarters คำนี้จะเปลี่ยนเป็นคำกิริยา "to headquarter" ทันที

ในทางตรงกันข้าม การเติม"s" เข้าที่ information นั้นไม่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าเขาต้องการข้อมูล(information)มากมาย ก็ควรทำให้คำนี้เป็นพหูพจน์ เช่น "I need informations on overseas study programs." แต่ตามความเป็นจริงที่ถูกต้องแล้ว คำว่า information เป็นคำนามที่นับไม่ได้ (ไม่มีรูปพหูพจน์) เพราะฉะนั้น คุณต้องพูดเพียงว่า "I need some information."

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

MB++เมกะไบต์++

เมกะไบต์ (megabyte) เป็นหน่วยวัดปริมาณสารสนเทศหรือความจุของหน่วยเก็บ (storage) ในคอมพิวเตอร์ มีค่าเท่ากับหนึ่งล้านไบต์ เมกะไบต์นิยมเขียนย่อเป็น MB (อย่าสับสนกับ Mb ซึ่งใช้แทนเมกะบิต) หรือบางครั้งอาจพูดหรือเขียนเป็น เม็ก หรือ meg

เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอในการใช้อุปสรรคฐานสองในการนิยามและการใช้งาน ฉะนั้น ค่าแม่นตรงของกิโลไบต์ในทางปฏิบัติโดยทั่วไปอาจเป็นค่าใดค่าหนึ่งจากค่าดังต่อไปนี้:-

1. 1,000,000 ไบต์ (10002, 106): นิยามนี้นิยมใช้ใช้ในบริบทของระบบข่ายงานและการระบุความจุของฮาร์ดแวร์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ และดีวีดี นิยามนี้สอดคล้องกับการใช้อุปสรรค (คำนำหน้าหน่วย) ในหน่วยเอสไอ ตลอดจนการใช้อุปสรรคในวงการคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป
2. 1,024,000 ไบต์ (1,024×1,000): นิยามนี้ใช้ในการระบุความจุของหน่วยเก็บบางชนิด ที่รู้จักกันดีที่สุด ได้แก่ แผ่นฟลอปปีดิสก์ชนิดความหนาแน่นสูง ความจุ "1.44 MB" (1,474,560 ไบต์) ขนาด "3.5 นิ้ว" (อันที่จริงคือ 90 mm)
3. 1,048,576 ไบต์ (10242, 220): นิยามนี้ใช้ในการระบุความจุของหน่วยความจำแทบทุกชนิดในคอมพิวเตอร์ (เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ การผลิตหน่วยความจำหลักนั้นจะเพิ่มความจุเป็นสองเท่าได้ง่ายที่สุด) และแผ่นซีดี ในปี พ.ศ. 2548 พบว่าซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ใช้นิยามนี้ในการแสดงความจุของหน่วยเก็บ ปริมาณตามนิยามนี้มีค่าเท่ากับหนึ่งเมบิไบต์ (ดู อุปสรรคฐานสอง)

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

วันเด็ก

เด็ก หมายถึง คนที่มีอายุยังน้อย ยังเล็ก
เด็กชาย คือ คำนำเรียกเด็กผู้ชายที่มีอายุไม่เกิน ๑๔ ปีบริบูรณ์
เด็กหญิง คือ คำนำเรียกเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่เกิน ๑๔ ปีบริบูรณ์

การจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติในแต่ละประเทศขณะนั้น มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยยึดหลักการให้ความสำคัญแก่เด็กเป็นวัตถุประสงค์หลัก โดยเปิดสถานที่ราชการที่สำคัญเช่น พิพิธภัณฑ์ รัฐสภา เป็นต้น ให้เด็ก ๆได้เข้าชมและศึกษา บางแห่งจัดการแสดงมหรสพ มีการแจกอาหาร แข่งขันเกม แจกของขวัญ ฯลฯ ต่อมางานนี้ได้รับความสำคัญทั่วโลกจึงได้จัดกันแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน

คำขวัญวันเด็ก พ.ศ.๒๕๐๒ - ๒๕๕๑
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อๆมา จึงได้ถือปฏิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้
พ.ศ. ๒๕๐๒ ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
พ.ศ. ๒๕๐๓ ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
พ.ศ. ๒๕๐๔ ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
พ.ศ. ๒๕๐๕ ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
พ.ศ. ๒๕๐๖ ขอให้เด็กสมัย ปฎิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์)
พ.ศ. ๒๕๐๗ --- งดจัดงานวันเด็ก ---
พ.ศ. ๒๕๐๘ เด็กจะเจริญต้องรักเรียนและเพียรทำดี (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๐๙ เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่น และสมานสามัคคี ี (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๐ อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรง เรียนดี และ มีความประพฤติเรียบร้อย (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๑ ความเจริญและความมั่นคงของไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๒ รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๓ เด็กประพฤติดีและศึกษาดีทำให้มีอนาคตแจ่มใส (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๔ ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๕ เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๖ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ (จอมพลถนอม กิตติขจร)
พ.ศ. ๒๕๑๗ สามัคคี คือ พลัง(นายสัญญา ธรรมศักดิ์)
พ.ศ. ๒๕๑๘ เด็กคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความดี (นายสัญญา ธรรมศักดิ์)
พ.ศ. ๒๕๑๙ เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
พ.ศ. ๒๕๒๐ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็น คุณสมบัติของเยาวชนไทย (นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
พ.ศ. ๒๕๒๑ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
พ.ศ. ๒๕๒๒ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ ิ (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
พ.ศ. ๒๕๒๓ อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)
พ.ศ. ๒๕๒๔ เด็กไทยมีวินัย ใจซื่อสัตย์ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๒๕ ขยัน ศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๒๖ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัย และคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๒๗ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริต ใจมั่น หมั่นศึกษา (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ.๒๕๒๘ สามัคคี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๒๙ นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๓๐ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์)
พ.ศ. ๒๕๓๑ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
พ.ศ. ๒๕๓๒ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
พ.ศ. ๒๕๓๓ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
พ.ศ. ๒๕๓๔ รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา (นายอานันท์ ปันยารชุน)
พ.ศ. ๒๕๓๕ สามัคคี มี วินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม (นายอานันท์ ปันยารชุน)
พ.ศ. ๒๕๓๖ ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๓๗ ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๓๘ สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๓๙ มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด (นายบรรหาร ศิลปอาชา)
พ.ศ. ๒๕๔๐ รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)
พ.ศ.๒๕๔๑ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ.๒๕๔๒ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๔๓ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๔๔ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย (นายชวน หลีกภัย)
พ.ศ. ๒๕๔๕ เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคต ที่สดใส (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
พ.ศ. ๒๕๔๖ เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
พ.ศ. ๒๕๔๗ รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีดี อนาคตดีแน่นอน (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
พ.ศ. ๒๕๔๘ เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
พ.ศ. ๒๕๔๙ อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)
พ.ศ. ๒๕๕๐ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์)
พ.ศ.๒๕๕๑ (พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์) สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ.๒๕๕๒( อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี