Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

6 สิ่งสุดพิเศษที่ต้องมอบให้กับคนรู้ใจ


ถ้าใกล้ถึง “วันเกิดของคนรู้ใจ”ก็คงจะอยากหาของขวัญสุดพิเศษมอบให้กับเขาใช่ไหมจ๊ะ ว่าแต่เพื่อน ๆ คิดจะมอบอะไรให้กับเขาคนนั้นล่ะจ๊ะ ถ้าคิดไม่ออกเข้ามาทางนี้เลยจ้ะ เพราะมีของขวัญสุดพิเศษที่สามารถสื่อความหมายดีๆ ที่รับรองว่าคนรู้ใจของเพื่อน ๆ เห็นแล้วจะต้องยิ้มแก้มปริแน่นอนจ้ะ งั้นไปเริ่มต้นที่ของขวัญชิ้นแรกกันเลย.......

ต้นไม้ >> เวลาที่เห็นต้นไม้ต้นเล็กๆ ก็จะรีบเข้าไปรดน้ำ พรวนดิน และรอคอยให้มันเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่ ซึ่งมันก็เหมือนกับความรักถ้าไม่คอยดูแลเอาใจใส่คนสองคนก็ไม่สามารถที่ก้าวเดินไปพร้อมกันได้


เสื้อ >> แขนเสื้อมี 2 แขนใช่ไหมจ๊ะ เวลาสวมใส่เราก็ต้องใส่ทั้ง 2 แขน ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ จะให้เสื้อกับคนรู้ใจแล้วล่ะก็ มันจะสื่อความหมายว่า ความรักของเราจะอยู่กันเหมือนกับแขนเสื้อ


เครื่องสาน >>
กว่าที่จะได้เครื่องสานออกมาหนึ่งชิ้นนั้น ผู้ทำจะต้องมีเวลาให้กับการสานค่อนข้างจะมาก เพราะมันจะต้องค่อยๆ สานไปทีละนิด ซึ่งของขวัญชิ้นนี้ก็เปรียบเหมือนกับการสานสายใยความรักของคนสองคนให้ยั่งยืนไม่ขาดตอน


กระเป๋าสตางค์ >> เคล็ดลับการเรียกเงินเรียกทองให้เข้ามาอยู่ในกระเป๋านั้น ง่ายดายมากเพียงแค่ใส่เกลือลงไปในกระเป๋าสตางค์นิดหน่อย นอกจากนี้เกลือยังเป็นตัวช่วยปัดเป่าสิ่งโชคร้ายให้ออกไปได้อีกด้วย


ต่างหู >> เครื่องประดับชนิดนี้มี 2 ข้างเป็นคู่กันใช่ไหมจ๊ะ ซึ่งความหมายของสิ่งนี้ที่มอบให้คนรู้ใจนั้นก็คือ เราจะอยู่กันตลอดไป เหมือนกับต่างหูที่ต้องอยู่กับคู่ของมัน


กำไล >> ไม่ว่าเครื่องประดับชนิดนี้จะทำมาจากไม้ , เงิน หรือพลาสติก แต่มันก็แสดงถึงกำไรชีวิต ที่ทำให้ผู้สวมใส่เต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ปรารถนา

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

Lay's


Lay's is the brand name for a number of potato chip (crisps in British English) varieties as well as the name of the company that founded the chip brand in 1938. Lay's chips are marketed as a division of Frito-Lay, a company owned by PepsiCo Inc. since 1965. Other brands in the Frito-Lay group include Fritos, Doritos, Ruffles, Cheetos and Rold Gold pretzels

History

In 1932 salesman Herman W. Lay opened a snack food operation in Nashville, Tennessee and, in 1938, he purchased the Atlanta, Georgia potato chip manufacturer "Barrett Food Company," renaming it "H.W. Lay & Company." Lay criss-crossed the southern United States selling the product from the trunk of his car. In 1942, Lay introduced the first continuous potato processor, resulting in the first large-scale production of the product.

The business shortened its name to "the Lay's Company" in 1944 and became the first snack food manufacturer to purchase television commercials, with Bert Lahr as a celebrity spokesman. His signature line, "so crisp you can hear the freshness," became the chips' first slogan along with "de-Lay-sious!" As the popular commercials aired during the 1950s, Lay's went national in its marketing and was soon supplying product throughout the United States.

In 1961, the Frito Company founded by Elmer Doolin and Lay's merged to form Frito-Lay Inc., a snack food giant with combined sales of over $127 million annually, the largest of any manufacturer. Shortly thereafter, Lays introduced its best-known slogan "betcha you can't eat just one." Sales of the chips became international, with marketing assisted by a number of celebrity endorsers.

In 1965, Frito-Lay merged with the Pepsi-Cola Company to form PepsiCo, Inc. and a barbecue version of the chips appeared on grocery shelves. A new formulation of chip was introduced in 1991 that was crisper and kept fresher longer. Shortly thereafter, the company introduced the "Wavy Lays" products to grocer shelves. In the mid to late 1990s, Lay's modified its barbecue chips formula and rebranded it as "K.C. Masterpiece," named after a popular sauce, and introduced a lower calorie baked version and a variety that was completely fat-free (Lay's WOW chips containing the fat substitute olestra).

In the 2000s, kettle cooked brands appeared as did a processed version called Lay's Stax that was intended to compete with Pringles, and the company began introducing a variety of additional flavour variations.

Frito-Lay products currently control 55% of the United States salty foods marketplace

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

สาเหตุการเกิดรังแค และวิธีแก้ง่ายๆ



สาเหตุของการเกิดรังแค และวิธีขจัดรังแคอย่างง่าย ๆ

1. น้ำอุ่น เพิ่มปริมาณรังแค : การสระผมด้วยน้ำอุ่นจะไปละลายชั้นไขมันบนหนังศีรษะออก ส่งผลให้หนังศีรษะแห้งและลอกเป็นขุย เกิดรังแคในที่สุด จึงควรเลิกสระผมด้วยน้ำอุ่น


2. แดดจัดจ้า : ตัวการทำลายผม ทำให้ผมชี้ฟู ขาดน้ำหนัก และไม่เงางาม แสงแดดจะเข้าไปทำลายโปรตีนในเส้นผม และทำให้ผมหยาบ จึงควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูที่ช่วยบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก


3. สิงห์อมควัน ผมเสียไม่รู้ตัว : เพราะควันบุหรี่จะเกาะบนเส้นผมทำให้ผมขาดความมันเงา และส่งผลให้สภาพศีรษะแห้งกว่าปกติ


4. นวดบำบัด ขจัดรังแค : ทุกครั้งที่สระผม ควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ จะช่วยผ่อนคลายความเครียด และขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายให้หลุดลอกได้ง่ายขึ้น


5. ควรเลือกแชมพูที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ และควรล้างแชมพูให้สะอาดทุกครั้งหลังสระผมเพื่อขจัดสารเคมีที่ตกค้าง


6. หลังสระผมควรใช้ผ้าขนหนูที่แห้งสะอาดซับหนังศีรษะและเส้นผม ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าที่เปียกชื้นและไม่ใช้ผ้าร่วมกับผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการเกาที่ทำให้หนังศีรษะเกิดแผลอักเสบ


เพียงเท่านี้ ปัญหารังแคที่มีอยู่ก็จะหายไป อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันดูได้.

เบนโตะ ข้าวกล่องญี่ปุ่น
















วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

Maillot de bain


Le maillot de bain ou le costume de bain au Québec est un vêtement destiné à la pratique de la natation, à la baignade au bord de l'eau, ou plus généralement, à toute activité se déroulant l'été ou dans l'eau.
Historique

Dans l'Antiquité romaine, les bains publics sont très prisés. Au Moyen Âge, les eaux thermales et les bains de mer sont jugés malsains pour la santé et leurs bienfaits ne sont redécouverts qu'au XVIIIe siècle. On se baignait alors nu ou en chemise.

À la fin du XIXe siècle, les femmes se baignent en corset et pantalon bouffant.

Au début des bains de mer au XXe siècle, le costume de bain est codifié par le corps médical et les hygiénistes qui préconisent un costume bouffant en laine ce qui gagne en confort et un bonnet sur la tête.


Vers 1900, la femme porte une robe légère qui s'arrête au genou sur une culotte bouffante de la même étoffe et l'homme s'habille d'un costume qui s'arrête aux mollets et à manches longues car il est inconvenant de montrer le torse.

Dans les années 1920, Coco Chanel lance la mode du teint hâlé (bronzage), ce qui permet de dénuder bras, jambes et épaules.

En 1946 apparait le bikini qui ne s'impose vraiment que dans les années 1960. Puis jusqu'à la fin des années 1970, la ceinture du maillot descend sous la taille et le bikini devient monokini. Les tendances suivantes sont une culotte de plus en plus mince et la disparition du haut.

Short de bain.

Dans les années 1980, l'influence du surf favorise le port du caleçon chez les hommes

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

กล่องใส่จี้สร้อยคอสวยๆ
















เรื่องสิว สิว กับวัยแรกรุ่น

แม้ใครๆ จะพร่ำบอกว่า เรื่องสิวเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ในความรู้สึกของหนุ่มกวาง หนุ่มน้อยวัยใสวัยมัธยมต้น การมีสิว...มันเหมือนปัญหาชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่กวางจำต้องแบกรับไว้บนหน้า จนแทบจะไม่อยากไปโรงเรียนกวดวิชากันเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วเรื่องสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติจริงๆ นั่นล่ะ เพราะถ้าหนุ่มสาววัยใสเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิว (ไปสักระยะ)
เพราะสิวเป็นสัญญาณของการแตกเนื้อหนุ่มสาว ซึ่งส่วนมากมักจะพบว่าหนุ่มน้อยสาวน้อยที่บ้านเราจะเริ่มมีสิวกันตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจากสถิติทางการแพทย์พบว่าวัยรุ่นประมาณ 80% เคยเป็นสิวมาก่อน สาเหตุของสิวเนื่องจากเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนเพศในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น
เมื่อรูขุมขนบริเวณใบหน้า บริเวณอก และแผ่นหลังอุดตัน ไขมันที่ถูกสร้างจากต่อมไขมันระบายออกไม่ทัน ก็จะกลายเป็นอาหารอย่างดีแก่เชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า และทำให้เกิดการอักเสบตามมา แต่ถ้าหนุ่มน้อยสาวน้อยต่างรู้จักการดูแลตัวเอง ก็อาจลดโอกาสการเกิดสิวได้เหมือนกัน แต่หากเป็นสิวไปแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะคะ เพราะถ้าเราเกิดความกังวลเดินผ่านใครหรือใครเดินผ่านก็มักจะเอามือปกปิด หรือเผลอตัวไปสัมผัสบริเวณนั้นตลอดเวลา กลับยิ่งกระตุ้นให้สิวเกิดการอักเสบเป็นหนอง การดูแลจะยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม วิธีง่ายๆ อยากจะแนะนำไว้ดังนี้
1.รักษาความสะอาดโดยล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ เนื่องจากสิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกของฝุ่นผงในอากาศ เวลาล้างหน้าอย่าถูแรง พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สครับล้างหน้าเพราะระคายผิว และหลีกเหลี่ยงการใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าทั่วไปที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
2.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่อาจจะทำให้เกิดสิว
3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ
4.อย่าบีบหรือแกะสิวเพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งรักษาให้หายได้ยากกว่าการรักษาสิว
5.อย่าปล่อยให้ผมยาวรุงรังปรกหน้า อย่าปล่อยให้ผมมัน และควรงดใช้น้ำมันใส่ผม เจล สเปรย์
6.พยายามอย่าให้เครียด อย่าให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดหรือกังวล และพยายามอย่านอนดึก
7.กรณีผิวหน้ามัน ควรซับมันออกจากผิวหน้าด้วยกระดาษซับความมันบนใบหน้า

ดัดฟันแฟชั่น อันตรายถึงตาย !!


แม้สาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียนหญิงชั้น ม.5 จ.ขอนแก่น จะเกี่ยวข้องกับการจัด หรือดัดฟันแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นทั้งหลายได้ตระหนักถึงอันตรายของความสวยงาม โก้เก๋ ที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต
ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปกติการจัดฟันจะเป็นการแก้ไขความผิดปกติของการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันบนล่างไม่สบกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของฟัน รวมทั้งเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน และยังช่วยปรับ ให้รูปลักษณะใบหน้า และการยิ้มดูดีขึ้น ผู้ให้การรักษาจะต้องเป็นทันตแพทย์เท่านั้น
การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม โก้เก๋ ทันสมัย ผู้ที่ให้บริการไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา
ในปัจจุบันจัดฟันแฟชั่น อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ลวดร้อยลูกปัด เป็นการใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ มีวางจำหน่ายในตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่าง ๆ ราคาเส้นละ 50-120 บาท เด็กและวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เอง
จัดฟันแฟชั่นแบบติดแน่น เป็นการเลียนแบบการจัดฟันของทันตแพทย์ให้เหมือนมากขึ้น โดยจะมีการติดเครื่องมือ “แบ๊กเกต” เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องใส่ลวดจัดฟันและมีส่วนยื่นออกมาสำหรับคล้องยาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1,200 บาท สามารถเลือกสีของยาง รูปร่างของยาง เช่น รูป ดอกไม้ มิกกี้เม้าส์
จัดฟันแฟชั่นแบบถอดได้ เป็นการใช้เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ “รีเทนเนอร์” ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้ มีลักษณะเป็นแผ่น พลาสติกปิดอยู่ที่เพดาน หรือข้างลิ้น มีลวดคอยบังคับฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ มีการดัดแปลง เพิ่มแบ๊กเกตให้ติดอยู่บนลวด ขั้นตอนการทำจะต้องมีการพิมพ์ฟัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 800-1,300 บาทต่อชิ้น สามารถเลือกสี ลายของแผ่น พลาสติก และลวดได้
อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น มีดังนี้
อันตรายจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง หรือล้างแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อน ผู้ทำไม่ได้สวมถุงมือ อาจติดโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรค ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ
อันตรายจากวัสดุ ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย
อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย
การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก
ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้.