Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Halloween



Halloween has its origins in the ancient Celtic festival known as Samhain (Irish pronunciation: [ˈsˠaunʲ]; from the Old Irish samain). The festival of Samhain is a celebration of the end of the harvest season in Gaelic culture, and is sometimes regarded as the "Celtic New Year".Traditionally, the festival was a time used by the ancient pagans to take stock of supplies and slaughter livestock for winter stores. The ancient Gaels believed that on October 31, now known as Halloween, the boundary between the alive and the deceased dissolved, and the dead become dangerous for the living by causing problems such as sickness or damaged crops. The festivals would frequently involve bonfires, into which bones of slaughtered livestock were thrown. Costumes and masks were also worn at the festivals in an attempt to mimic the evil spirits or placate them


The term Halloween is shortened from All Hallows' Even (both "even" and "eve" are abbreviations of "evening", but "Halloween" gets its "n" from "even") as it is the eve of "All Hallows' Day", which is now also known as All Saints' Day. It was a day of religious festivities in various northern European Pagan traditions,until Popes Gregory III and Gregory IV moved the old Christian feast of All Saints' Day from May 13 (which had itself been the date of a pagan holiday, the Feast of the Lemures) to November 1. In the ninth century, the Church measured the day as starting at sunset, in accordance with the Florentine calendar. Although All Saints' Day is now considered to occur one day after Halloween, the two holidays were, at that time, celebrated on the same day. Liturgically, the Church traditionally celebrated that day as the Vigil of All Saints, and, until 1970, a day of fasting as well. Like other vigils, it was celebrated on the previous day if it fell on a Sunday, although secular celebrations of the holiday remained on the 31st. The Vigil was suppressed in 1955, but was later restored in the post-Vatican II calendar.

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Pizza


La pizza est un plat italien mondialement connu, fait d'une pâte à pain étalée en rond recouverte de divers ingrédients (souvent tomatée) et cuite au four (traditionnel à bois, à gaz ou électrique moderne).

Le mot pizza apparaît en 997 en latin médiévial : Il signifie alors « fouace », « galette ». Mais c'est à Naples,au XVIe siècle, qu'il est attesté dans son sens actuel. L'étymologie exacte du mot est difficile à déterminer et il existe plusieurs théories faisant dériver le mot du lombard, du latin, ou du mot pita par exemple.
La pizza (au pluriel pizze en italien) était liée au travail du boulanger. Elle servait avant tout à vérifier la bonne température du foyer avant qu'on y dépose le pain, ou à tirer partie des dernières braises.
Plat du « petit peuple », vendu à la part dans des comptoirs ambulants ou directement dans la rue, sur un plateau en étain, la pizza a été longtemps absente des recueils de cuisine italiens du fait de sa réputation de coupe-faim à la qualité douteuse.

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แก๊สน้ำตา

แก๊สน้ำตาเป็นส่วนผสมของสารเคมี มีคุณสมบัติละลายน้ำ เมื่อถูกร่ายกายจะเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะเยื้อบุต่างๆ จำแนกอาการได้ดังนี้

1.เยื่อบุตา ทำให้มีน้ำตาไหล แสบ คัน บวม แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ ยกเว้นว่าถูกแก๊สน้ำตาระเบิดใส่ตาโดยตรง

2.เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้แสบจมูก มีน้ำมูก

3.เยื่อบุในช่องปาก ทำให้แสบ ร้อนริมฝีปาก ปากแห้ง หรือเกิดการพองมีน้ำเหลืองไหล เกิดแผลในปาก

4.ทางเดินหายใจ เจ็บคอ ไอ จาม มีเสมหะ หายใจลำบาก หัวใจเต้นแรง หัวใจทำงานผิดปกติ หายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง รายที่สูดดมควันเป็นเวลานานมาก อาจทำให้ปอดอักเสบได้

5.ทางเดินอาหาร สำลักควัน กลืนน้ำลายที่มีแก๊สน้ำตาเข้าไป จะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้

6.ผิวหนัง : แสบ บวมแดง

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551

6 วิธีเก็บเงินให้อยู่..ตั้งแต่เป็นนักเรียน




วิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้สามารถช่วยเซฟเงินในกระเป๋าให้เพื่อน ๆ ที่นี่ได้ดีทีเดียวแหล่ะ ดีไม่ดีบางคนอาจจะมีเงินเก็บมากขึ้นแบบไม่รู้ตัวด้วยนะ




1. เปิดบัญชีธนาคารให้เหมาะ บรรดานักเรียนต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แน่นอนอยู่แล้วต้องรับเงินเดือนจากพ่อแม่ แนะนำให้เปิดบัญชี ATM ในสาขาของกรุงเทพฯ เพราะถ้าเปิดบัญชีในจังหวัดที่บ้าน ต้องเสียค่าบริการเวลากดเงินข้ามเขตอีก กดทีละ 30 บาท ซึ่งถ้ามาคิดดูดี ๆ แล้วจะพบว่าปีหนึ่ง ๆ เงินหายไปหลายบาททีเดียว


2. "เงินเราหายไปไหน" ใช้ถามตัวเองบ่อยๆ เวลาใช้เงิน ไม่อยากลืมต้องทำบัญชีรับจ่าย เก็บบิลเวลาซื้อของ และเอาสมุดเงินฝากไปอัพเดทเพื่อเช็คยอดล่าสุดบ่อยๆ


3. อยู่ห่างๆเพื่อนมือเติบ ไม่ได้แนะนำให้เป็นคนปฎิเสธสังคม แต่ให้เลือกกลุ่มเพื่อที่ไปกินข้าว ช้อปปิ้งสักหน่อย ถ้าคุณอยู่กลุ่มเพื่อนกินใหญ่ใช้โต กินข้าวเย็นมื้อละหลายร้อย คุณก็ต้องแชร์จ่ายเท่า ๆ กัน เงินเดือนนักเรียนของคุณมีเท่าไรถึงจะพอล่ะคะ


4. ระวัง !!! บิลค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายรายใหญ่สุดของหนุ่มสาววัยนี้เตือนสติตัวเองเวลาคุยให้ดี ตั้งเสียงเตือนเป็นรายนาทีไว้ก็ได้ หรือเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด


5. ใช้บัตรนักเรียน นักศึกษาให้มีค่าที่สุด ทั้งค่าอาหาร ค่าเข้าพิพิธพัณฑ์ หรือเวลาไปเมืองนอก ใช้เป็นส่วนลดได้ดีที่สุด ช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย รายจ่ายที่คุณประหยัดได้ดีที่สุดคือ หนังสือและฟิตเนส เข้าห้องสมุดและโรงยิมเข้าไว้


6. ออมเงินรายเดือน 10 % ของเงินได้จากพ่อแม่เก็บเป็นฝากประจำไว้เลย แล้วลองดูสิว่า พอรับปริญญาแล้วคุณมีเงินก้นถุงอีกเท่าไรเพื่อน ๆ ที่นี่ที่อยู่ในวัยเรียนลองเอาไปใช้กันดูนะคะ เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ คนที่รู้จักเก็บ รู้จักใช้น่ะเท่ห์กว่าคนที่ใช้เงินมือเติบเป็นไหน ๆ เสียอีก

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

สิว ++Acné++



สิว (อังกฤษ: Acne / Pimple / Zits) คือตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน ขึ้นตามหน้า เกิดขึ้นเพราะผิวหนังมีการอุดตันอยู่ใต้รูขุมขนจากหัวสิว โคมิโดน (Comedone) ซึ่งสามารถอักเสบได้ง่ายหากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย หรือ ฝุ่นละอองในอากาศ และแบ่งได้อีก


สาเหตุของสิว มีหลายสาเหตุ เป็นที่ถกเถียงกันว่า สิวเกิดจากอะไร สาเหตุหลัก ๆ แบ่งได้ 2 ปัจจัยดังนี้
ปัจจัยภายใน คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ฮอร์โมน, กรรมพันธุ์, โรคเรื้อรัง และ ผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด
ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา, เครื่องสำอาง, สภาพแวดล้อม, สังคม, แสงแดดและอุณหภูมิ ความสะอาด และ อาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้



L'acné est une dermatose (maladie de la peau) inflammatoire des follicules pilosébacés (les glandes sécrétant le sébum, à la racine des poils) avec formation de comédons.
Typiquement, elle commence à la puberté et touche principalement les adolescents, de façon plus ou moins sévère. Elle cesse spontanément, le plus souvent à la fin de l'adolescence.
Elle n'a, le plus souvent, aucune gravité biologique en soi, mais peut entraîner un retentissement sur l'image de soi et la vie sociale de l'adolescent. Elle est à l'origine de plus de 20 % des consultations chez le dermatologue[réf. nécessaire].

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Bos taurus


Bos taurus (Linnaeus, 1758), ou Bos primigenius taurus, ou Bos primigenius f. taurus, est le nom scientifique donné à l'ensemble des bovins domestiques de l'Ancien Monde issus des différentes sous-espèces de Bos primigenius, l'aurochs sauvage

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

กินเจเพื่ออะไร?

ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1. กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้นซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา
3. กินเพื่อเว้นกรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นองเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่าหันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น