Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปรับนิสัย ขับถ่ายให้เป็นเวลา


ใครที่ละเลยการขับถ่ายในเวลาเช้า หันมาฟังทางนี้เลย เพราะการที่คุณไม่ขับถ่ายให้เป็นเวลานั้น อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้นะคะ

ซึ่งช่วงเวลาที่สามารถขับถ่ายได้ดีที่สุด คือ ตี 5 - 7 โมงเช้า เพราะเป็นเวลาการทำงานของลำไส้ใหญ่ค่ะ จึงเหมาะที่จะขับถ่ายมากที่สุด


ถ้าเวลาล่วงมาจนถึง 9 โมงเช้าแล้วล่ะก็ เวลานี้จะเป็นเวลาทำงานของกระเพาะอาหาร ถ้าเราไม่ทานข้าวเช้า ของเสียจากลำไส้ใหญ่ที่ไม่ขับถ่ายออกจะถูกบีบตัวผ่านลำไส้เล็ก กลับมาถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารอีกครั้งหนึ่ง


โดยอุจจาระเก่าจะมีแก๊สที่เสียแล้ว เกิดจากการบูดเน่า โดยอุณหภูมิของร่างกายที่มีความร้อน 37 องศาตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้นแก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาด ผลที่ตามมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงถึงบ่าย เราอาจรู้สึกง่วงนอน เพราะเลือดที่ไม่สะอาด เมื่อไหลไปเลี้ยงหัวใจก็จะทำให้อ่อนล้าไม่สดชื่น นอกจากนี้การที่เลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับของเสียออกทางผิวหนังและลมหายใจทำให้เกิดกลิ่นตัว กลิ่นปากโดยไม่รู้ตัว


การที่เราไม่ค่อยขับถ่ายตอนเช้าหลายวัน บางครั้งอาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวและเกิดอาการท้องอืดได้ ที่น่ากลัว ใครที่ละเลยการขับถ่ายในช่วงเช้าเป็นเวลาหลายๆ ปี เมื่อแก่ตัวความจำก็จะเสื่อมเร็วกว่าปกติอีกด้วย


วิธีแก้ สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยถ่ายในช่วงเช้า ให้กินข้าวเช้าทุกวัน ระหว่างเวลา 07.00-09.00 น. แต่ถ้ากินข้าวเช้าแล้วยังไม่ค่อยขับถ่าย ก็ให้กินขมิ้นชันเป็นประจำเพื่อบริหารลำไส้ใหญ่ไปในตัว


รู้อย่างนี้แล้ว ควรจะปรับนิสัยซะใหม่ เข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ ...

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การดื่มนม เป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้เกิดสิว


ใครที่ชอบดื่มนมเป็นประจำ รู้หรือไม่ว่า การดื่มนมอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...

วิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐฯ กล่าวว่า ด็กหนุ่มสาวทั้งหลายที่มีสิวขึ้นบนใบหน้าว่า ให้ลดปริมาณการดื่มนมให้น้อยลง เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองแล้ว พบว่า ถ้าอยากจะห่างสิวควรจะเลิกกินมันฝรั่งทอดกรอบและช็อกโกแลต แต่ในการทดลองใหม่นี้ได้แสดงว่าวัยรุ่นที่ดื่มนมประจำวันละไม่น้อยกว่า 476 ซีซี ล้วนแต่เป็นสิวกันครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้อยกว่าหรือไม่ดื่มเลย

นมมีความเกี่ยวพันกับการเป็นสิวอย่างชัดเจน รายงานผลการทดลอง ซึ่งเสนอในวารสารวิชาการ “แพทย์โรคผิวหนัง” แห่งอเมริกัน ยังกล่าวอีกว่า ฮอร์โมนการเจริญเติบโต และฮอร์โมนเพศในน้ำนมวัว อาจจะเป็นเครื่องกระตุ้นทำให้เกิดสิวได้

ใครที่กำลังเป็นสิว และไม่แน่ใจในสาเหตุการเกิดสิว ลองลดปริมาณการดื่มนมดูนะคะ


วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Chat


Le chat domestique (Felis silvestris catus) est un mammifère carnivore de la famille des félidés. Il est l’un des principaux animaux de compagnie et compte aujourd’hui une cinquantaine de races différentes reconnues par les instances de certification.

Essentiellement territorial, le chat est un prédateur de petites proies comme les rongeurs. Les chats ont diverses vocalisations dont les ronronnements et les miaulements, bien qu’ils communiquent principalement par des positions faciales et corporelles et des phéromones.

Selon les résultats de travaux menés en 2006 et 2007, le chat domestique est une sous-espèce du Chat sauvage (Felis silvestris) dont il a vraisemblablement divergé il y a 130 000 ans. Les premières domestications auraient eu lieu il y a 8 000 à 10 000 ans au Néolithique dans le Croissant fertile, époque correspondant aux débuts de la culture de céréales et à l’engrangement de réserves susceptibles d’être attaquées par des rongeurs, le chat devenant alors pour l’homme un auxiliaire utile se prêtant à la domestication.

Tout d’abord vénéré par les Égyptiens, il fut diabolisé en Europe au Moyen Âge et ne retrouva ses lettres de noblesse qu’au XVIIIe siècle. En Asie, le chat reste synonyme de chance.

Ce félin a laissé son empreinte dans la culture populaire et artistique, tant au travers d’expressions populaires que de représentations diverses au sein de la littérature, de la peinture ou encore de la musique.

Le chat domestique mâle est couramment appelé un « chat » tandis que la femelle est une « chatte » et le jeune un « chaton ». Le mot chat vient du bas-latin cattus qui d’après le Littré dans son édition de 1878, provient du verbe cattare, qui signifie guetter, ce félin étant alors considéré comme un chasseur qui guette sa proie. Cette dernière interprétation porte à controverse, au vu des termes utilisés dans les langues afro-asiatiques.

On désigne aussi plus familièrement le chat par minet et la chatte par minette. Ce terme, attesté dès 1560, provient de mine, nom populaire du chat en gallo-roman. Ce mot est à l’origine de l’expression dès potron-minet, qui signifie « de bon matin ». D’après le Littré, il s’agirait d’une déformation de paître au minet, c’est-à-dire du moment où le chat, qui se lève tôt, va chercher son paître : sa pâture, sa nourriture… Cette explication doit sans doute à la pudeur de cet auteur du XIXe siècle : selon Claude Duneton, cette expression provient de poitron-jacquet, jacquet désignant un écureuil (animal matinal marchant la queue levée) et poitron désignant le postérieur. Dès potron-minet signifie donc : « à l’heure où l’on voit le derrière du chat ». Quant au « minet » ou à la « minette » qui « fait des mines », lorsque ce terme est appliqué à l’être humain, c’est un jeune homme ou une jeune fille qui s’efforce de plaire et se préoccupe beaucoup de son apparence..

Un chat mâle non castré est un « matou », terme à l’origine incertaine qui viendrait peut-être d’une dérivation de mite comme dans chattemite. Le chat est aussi nommé familièrement « mistigri », mot-valise composé du préfixe miste, signifiant adroit, et de gris, la couleur.

En argot, un chat s’appelle un « greffier ». Deux explications s’opposent, qui peut-être n’en font qu’une : d’une part, le jeu de mot sur griffe est évident ; d’autre part, la fourrure de certains chats noirs comporte une sorte de plastron blanc sur le poitrail, et celui-ci évoque le rabat blanc que l’on voyait sur la robe noire des greffiers jusqu’au XIXe siècle.

รักกัน



วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Mother's Day


The modern Mother's Day holiday was created by Anna Jarvis in Grafton, West Virginia, as a day to honor mothers and motherhood; especially within the context of families, and family relationships.[1] It is now celebrated on various days in many parts of the world, some of which have a much older tradition than the modern holiday (e.g. dating to the 16th century in the UK). Father's Day is a corresponding holiday honoring fathers.

The holiday eventually became so commercialized that many, including its founder, Anna Jarvis, considered it a "Hallmark Holiday", i.e. one with an overwhelming commercial purpose. Anna ended up opposing the holiday she had helped to create

แพทย์พบอิทธิฤทธิ์ใหม่ของเหล้าองุ่น ไวน์แดงปลุกอารมณ์


นักวิจัยเมืองมักกะโรนี พบ กลุ่มผู้ที่ดื่มไวน์แดงหากดื่มในปริมาณปานกลาง จะมีระดับความต้องการทางเพศสูงกว่าเพื่อนที่ดื่มเหล้าชนิดอื่น...

หมอเมืองมะกะโรนีกล่าวเตือนสตรีทั้งหลายว่า ดื่มเหล้าไวน์แดงเพียงแก้วเดียวหรือ 2 แก้วเท่านั้น จะไปปลุกอารมณ์ อาจทำให้พลาดพลั้งเผลอสติได้ คณะแพทย์มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ ได้พบในการศึกษาว่า สารเคมีที่มีอยู่ในเหล้าไวน์แดง จะช่วยขับเลือด ให้ไปเลี้ยงบริเวณสำคัญๆของร่างกายมากขึ้น ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น

คณะนักวิจัยได้ศึกษา โดยระดมสตรีวัยระหว่าง 18-50 ปี 800 คน ซึ่งต่างมีสุขภาพทางเพศปกติ แบ่งออก เป็น 3 พวก

พวกแรก เป็นผู้ที่ดื่มเหล้าไวน์วันละ 1-2 แก้วเป็นประจำอยู่แล้ว
พวกที่ 2 ดื่มประจำเหมือนกัน แต่วันละเล็กน้อยไม่เกิน 1 แก้ว นอกนั้นเป็นผู้ไม่แตะสุรายาเมาเลย โดยขอให้แต่ละคนกรอกแบบสอบถามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกามารมณ์

จากการวิเคราะห์คะแนนได้ผลว่า กลุ่มที่ดื่มเหล้า ไวน์แดงในปริมาณปานกลาง จะมีระดับความต้องการทางเพศสูงกว่าเพื่อนที่ดื่มเหล้าชนิดอื่น หรือผู้ที่ไม่เป็น นักดื่มเลย นักวิจัยได้อธิบายว่า ผลการค้นพบครั้งนี้ แม้จะต้องพินิจพิจารณาดูอย่างระมัดระวัง ถึงกระนั้นมันก็ยังส่อให้เห็นถึงความเกี่ยวพันของการดื่มเหล้าไวน์แดง กับสมรรถภาพทางเพศที่ทวีขึ้น".

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ญี่ปุ่นทำให้หนูมีฟันงอกใหม่ได้


วอชิงตัน 4 ส.ค.- คณะนักวิจัยญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อในขากรรไกรของหนู ทำให้เกิดฟันงอกขึ้นใหม่จากเหงือกหนู ปูทางไปสู่การสร้างอวัยวะใหม่ให้เติบโตขึ้นจากจุดที่เคยมีอวัยวะเดิม

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โตเกียวเผยในวารสารโพรซีดดิ้งส์ออฟเดอะเนชันนัลอะคาเดมีออฟไซเอินซ์ว่า

ได้หาทางสร้างอวัยวะใหม่ให้เติบโตขึ้นจากจุดที่เคยมีอวัยวะเดิม เพราะก่อนหน้านี้มีแต่การเพาะเนื้อเยื่อในห้องทดลองแล้วนำไปปลูกถ่ายในร่างกายจนเติบโตเป็นอวัยวะใหม่ พวกเขาเริ่มจากการสร้างฟัน ด้วยการตัดแต่งพันธุกรรมเนื้อเยื่อให้มีเซลล์และโครงสร้างที่จำเป็นต่อการเติบโตขึ้นเป็นฟัน จากนั้นนำเนื้อเยื่อที่คล้ายเมล็ดพันธุ์นี้ไปปลูกถ่ายในขากรรไกรของหนู ฟันค่อย ๆ งอกขึ้นจากเหงือกจนกระทั่งแข็งแรงสามารถเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันปกติ

คณะนักวิจัยหวังว่า

วิธีนี้จะนำไปสู่การสร้างอวัยวะใหม่ที่สามารถทำงานได้ตามปกติทดแทนอวัยวะที่พิการหรือเสียหายเพราะอาการป่วย บาดเจ็บหรือความชรา.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Bureau de poste



Un bureau de poste est un établissement où s'exerce le service du courrier pour un territoire donné. Cette définition très générique cache de multiples variantes en fonction des pays et des époques.

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แมงกะพรุนกวนมหาสมุทร ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกส่วนที่เป็นน้ำ


นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยขึ้นว่า บรรดาแมง-กะพรุนได้สร้างบุญคุณให้กับโลก โดยการช่วยปั่นกวนน้ำตามมหาสมุทรต่างๆ..

นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยขึ้นว่า บรรดาแมง-กะพรุนได้สร้างบุญคุณให้กับโลก โดยการช่วยปั่นกวนน้ำตามมหาสมุทรต่างๆ

นักสมุทรศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยี แคลิฟอร์เนีย ของอเมริกา ซึ่งศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของมัน กล่าวแจ้งว่า รูปร่างทรงร่มของมัน มีบทบาทสำคัญในการผสมผสาน ปั่นกวนทั้งความร้อน สารอาหาร และสารเคมีให้แพร่กระจาย รักษาสิ่งแวดล้อมของมหาสมุทร และยังมีอิทธิพลกับการที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างหนัก

นักวิจัยได้รายงานในวารสารวิชาการ "ธรรมชาติ" ของสหรัฐฯว่า สัตว์น้ำชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะมีขนาดและรูปทรงอย่างใด ล้วนแต่มีส่วนช่วยในการปั่นกวนมหาสมุทรด้วยกัน

ในการศึกษาครั้งนี้เห็นว่า แม้ว่าลมและกระแสน้ำ จะมีส่วนอยู่ในระดับใหญ่ ในการปั่นกวน แต่ก็ส่อว่าบทบาทของสิ่งมีชีวิต อาจจะมีความสำคัญมากกว่าที่เชื่อกันมาก่อนมาก เพราะผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะสัตว์เล็กใหญ่ขนาดไหน ล้วนแต่มีส่วนร่วมกับการปั่นกวนทั้งสิ้น อย่างเช่น แมงกะพรุน ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 1-10 ซม. เมื่อมันเคลื่อนตัวไป มันก็ได้ช่วยดึงให้น้ำรอบๆตัวตามมันไปด้วย.

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก


กลิ่น ปาก ใช่ว่าเรื่องเล็ก ต่อให้รูปสวย รวยทรัพย์ แต่ปากเหม็น :S เสน่ห์ทุกอย่างก็หมดกัน

คุณ เคนอิชิ โฮโจ และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึรูมิ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยและพบว่า แบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ต โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus อาจมีผลต่อแบคทีเรียที่ เป็นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก ของคนเราได้

โดยจากการทดลองพบว่า การกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์

นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ที่ชอบกินโยเกิร์ตนั้น มักจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงืออักเสบน้อยกว่าคนทั่วไป

แม้ว่าจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยมากกว่านี้เพื่อยืนยันผลที่ได้ แต่นักวิจัยก็อ้างว่า การกินโยเกิร์ตน่าจะเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยในการป้องกันปากเหม็น


ข้อมูลเพิ่มเติมสุขภาพดีด้วยโยเกิร์ตแหล่งพลังงานจากนม

นม ๆ ปัจจุบันนี้นมถูกปรับเปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบที่ต้องการ ทั้งในด้านการบริโภค อุปโภค จนกระทั้งปัจจุบันนี้ถูกปรับมาเป็นเครื่องสำอาง เพราะในตัวของน้ำนมอุดมไปด้วยต่างๆ มากมายในตัวของนม

โดยถ้าพูดไปแล้ว โยเกิร์ตก็คือนมสดที่นำมาหมักกับเชื้อจุลินทรีย์ จนน้ำตาลแลกโตสในนมเปลี่ยนเป็นกรดแลคติก ทำให้นมมีรสเปรี้ยวและมีความข้นขึ้นจนเป็นลิ่ม การกินโยเกิร์ตเป็นประจำจะช่วยให้ลำไส้มีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ช่วยแก้อาการท้องเสียเรื้อรังได้

ซึ่งในการกินโยเกิร์ตนั้นให้สารอาหารครบถ้วนเหมือนการดื่มนม แต่ไม่ทำให้ท้องเสียเหมือนที่บางคนมักเป็นเวลาดื่มนม นอกจากนั้นโยเกิร์ตยังมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สูงขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างสารแอนติบอดี้ และเพิ่มปริมาณสารอินเฟอร์รอน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

โดยในตัวของโยเกิร์ตยังมีสารไขมันธรรมชาติมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน ที่เรียกว่าพรอสตาแกลนดิน อี 2 (Prostaglandin E2) ซึ่งทำหน้าที่ช่วยปกป้องผนังกระเพาะจากสารกระตุ้นต่างๆ

เช่น แอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะฉะนั้น แทนที่จะปล่อยให้ท้องว่าง ก็กินโยเกิร์ตรองท้องสักถ้วยก็คงดี และการกินโยเกิร์ตยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งบริเวณเนื้อเยื่อกระดูก และช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้ นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งได้อีกด้วย

ปิดท้ายด้วยการแถมสูตรพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตให้กับสาวๆ ขั้นแรกล้างหน้าให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง แล้วนำโยเกิร์ตชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลึงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง รับรองผิวหน้าจะเปล่งปลั่งสดใสแน่นอน

โยเกริ์ตถึงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากนมแต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารเพียบที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและสมอง