Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เพื่อนแท้วัดกันตรงไหน....


วันนี้การเดินทางของเราคือ...เรื่องใกล้ตัว ที่เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องมี จะต่างกันก็ตรงที่ใครมีมากมีน้อยก็เท่านั้น อยากรู้ล่ะสิว่ากำลังพูดถึงอะไรหรือใคร อิ อิ บอกให้ก็ได้ ที่พูดถึงอยู่เนี้ยก็คือ “เพื่อน”

คำเดียวสั้น ๆ แต่ความหมายของมันมีมากเกินตัว นิยามความหมายของเพื่อนเชื่อแน่ว่าแต่ละคนคงคิดไม่เหมือนกัน สำหรับคนอื่นไม่รู้ว่าเขาคิดกันแบบไหน แต่สำหรับฉัน “เพื่อน” คำสั้นๆ ที่ความหมายของมันไม่ได้สั้นเหมือนตัวเลยสักนิด

“เพื่อน” คนที่ครั้งหนึ่งเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเรา แต่เวลาผันผ่านเขาคนนั้นกลายมาเป็นคนที่เราบอกเล่าเรื่องราวมากมายให้ได้รู้ หัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน คนที่ไม่ว่าเขาหรือเราจะดีเลวยังงัยก็สู้ทนคบกันต่อไป คนที่ไม่ว่า ณ วันนี้จะอยู่แห่งหนใดบนโลกกว้างใบนี้แต่เมื่อกลับมาเจอกัน เราก็ยังมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนสายใยแห่งมิตรภาพยังคงเดิม

ฉันมีเพื่อนเป็นร้อย แต่กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รับรู้เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตฉันแทบทุกมุม เพราะอะไรเขาคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่วันนี้กลับรู้ทุกอย่าง เพราะอะไรเหรอ...ก็เพราะไอ้คำที่เรียกขานกันว่า “เพื่อน” นั่นแหละ พอเวลาผ่านไอ้ความหน้าแปลกหรือแปลกหน้าของเขาก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไปไหนไปกัน ทำอะไรด้วยกัน เมื่อมิตรภาพก่อเกิดแม้จะเป็นแค่เส้นใยบางๆ แต่มันก็เหนียวแน่นยากนักที่มันจะขาดถ้าเส้นใยนี้เกิดขึ้นกับคนที่ได้ชื่อว่า “เพื่อนแท้”

เพื่อนแท้เหรอ?....หายากนะจะบอกให้ ท่ามกลางสังคมที่ชิงดีชิงเด่น พยามยามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมาย โดยไม่เคยสนว่าทางที่เดินนั้นจะก้าวเดินไปอย่างไร ดีเลวแค่ไหน ดังนั้นไม่แปลกเคยที่ว่าถ้าเราเจอใครสักคนที่เหมาะจะเป็นเพื่อนแท้แล้วล่ะก็...จงรักษามิตรภาพที่มีต่อกันไว้ให้นานตราบนาน
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอีกหนึ่งวัน....วันนี้ฉันเดินทางผ่านเรื่องราวมากมายทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา เมื่อวานการเดินทางของเรื่องราวคือเรื่องเพื่อน วันนี้ฉันก็ยังคงเดินทางอยู่บนเส้นทางเดิมพร้อมกับเรื่องเก่า

รอยยิ้มที่มีให้ทุกคนในงานวันเกิดเพื่อน คือหยดน้ำตาที่ร่วงหยดเมื่อยามกลับมาถึงบ้าน มีคนเป็นร้อยที่ได้เห็นรอยยิ้มละเสียงหัวเราะของฉัน แต่กลับมีเพียงแค่คนเดียวที่รู้ว่าฉันมีน้ำตา แค่คนๆ เดียวที่ปลอบโยนให้ฉันเปลี่ยนจากน้ำตามาเป็นรอยยิ้มที่แนบเสียงหัวเราะมาพร้อมๆ กัน แล้วคนๆ นั้นก็ทำมันสำเร็จ คนธรรมดาที่ทำให้มีรอยยิ้มมาแต่งแต้มแทนคราบน้ำตาที่แห้งหายไป
ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ...ว่าหยุดร้องไห้ตอนไหน มารู้สึกอีกทีฉันก็กลับมาเป็นคนเดิมที่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสนุกสนาน ขอบคุณนะ...คนแปลกหน้า
ใช่แล้วล่ะคน ๆ นั้น เขาเปรียบเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับฉัน คนที่เหมือนกับไร้ซึ่งตัวตนในชีวิตของฉัน แต่เขากลับทำให้ฉันมีความสุข ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเพื่อนของฉัน เราไปไหนมาไหนด้วยกัน กิน เที่ยว ทำกิจกรรมและเดินทางผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย กลับเป็นผู้ที่ทำให้ฉันมีน้ำตา...

วันเวลาที่ล่วงเลยผ่านมาแม้จะนานเป็นปี ก็ไม่สามารถบอกเราได้ว่าคนไหนคือเพื่อนแท้ของเรา ถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้ยังงัยล่ะว่าคนไหนคือเพื่อนแท้ คนไหนคือเพื่อนเทียม เพื่อนแท้เขาวัดกันที่ตรงไหนล่ะ?
ถึงตอนนี้บอกตรงๆ นะ ว่าฉันเองก็ไม่อาจตอบได้ว่าเพื่อนแท้วัดกันตรงไหน เพราะแม้แต่คนที่เราคิดว่าใช่...ในวินาทีสุดท้ายเขายังหักหลังเราได้

ความหวังดีที่เรามีให้ใครสักคน ไม่จำเป็นว่าใครคนนั้นจะต้องตอบแทนกลับคืนมา แค่เขาไม่ทำลายมันก็พอแล้วล่ะ รับความหวังดีนั้นแล้วอยู่เฉยๆ ยังดีซะกว่ารับแล้วไม่ตอบแทนกลับแต่ยังมาทำลายมันอีก

ไม่มีความคิดเห็น: